สรุปเหตุกราดยิงที่เท็กซัส และโอไฮโอ ยอดตายอย่างน้อย 29 รายคาดเกี่ยวพันลัทธิคลั่งคนขาว

สรุปเหตุกราดยิงที่เท็กซัส และโอไฮโอ ยอดตายอย่างน้อย 29 รายคาดเกี่ยวพันลัทธิคลั่งคนขาว

วานนี้ (4 ส.ค.) เกิดเหตุสลด เมื่อมีการกราดยิงครั้งใหญ่ถึง 2 ครั้งอย่างต่อเนื่องภายในระยะเวลาไม่ถึง 13 ชั่วโมง เหตุการณ์แรกเกิดขึ้นที่ห้างสรรพสินค้าวอลมาร์ทในเมืองเอลปาโซ รัฐเท็กซัส ส่วนอีกเหตุการณ์เกิดขึ้นที่หน้าบาร์ เน็ด เปปเปอร์ส ในเมืองเดย์ตัน รัฐโอไฮโอ ทำให้ขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตพุ่งสูงถึง 29 ราย และมีผู้บาดเจ็บอีก 52 ราย

เหตุการณ์นี้ มีหลายฝ่ายคาดการณ์ว่าอาจเกี่ยวโยงกับลัทธิคลั่งคนขาวแบบสุดโต่ง 

และนโยบายต่อต้านผู้อพยพของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เนื่องจากเมืองเอลปาโซ หนึ่งในจุดเกิดโศกนาฏกรรม เป็นเมืองที่มีชาวลาตินอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีชายแดนติดกับเม็กซิโกด้วย

ขณะนี้ตำรวจสามารถจับกุมชายต้องสงสัยชื่อ แพทริก ครูซิอัส ซึ่งเป็นชายผิวขาววัย 21 ปี มาจากเมืองแอลเลน และอาศัยอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุราว 650 ไมล์ (ราว 1,040 กิโลเมตร) หากพบความผิด ชายรายนี้อาจได้รับโทษประหารชีวิต

นอกจากนี้ ตำรวจยังพบข้อความที่สร้างความเกลียดชังในเว็บไซต์ 8chan ที่มีการโพสต์ไว้ 20 นาทีก่อนเกิดเหตุกราดยิง ซึ่งข้อความดังกล่าวเขียนไปในทำนองชื่นชมและแสดงความเห็นด้วยกับเหตุกราดยิงผู้คนที่มัสยิดในเมืองไครสต์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 51 ราย

และหลังจากเหตุการณ์แรกเพียงไม่ถึง 13 ชั่วโมงก็มีเหตุกราดยิงอีกครั้งในเมืองเดย์ตัน รัฐโอไฮโอ โดยเจ้าหน้าที่เผยว่า คอนเนอร์ เบตส์ ที่คาดว่าเป็นมือปืนวัย 24 ปี และ เมแกน เบตส์ น้องสาวเสียชีวิตแล้ว

ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาแสดงความเสียใจกับเรื่องนี้ แต่ไม่ได้กล่าวถึงประเด็นการควบคุมอาวุธปืนแต่อย่างใด โดยระบุว่า “ประเทศนี้ไม่มีพื้นที่ให้กับความเกลียดชัง”

ขณะที่ พีท บุตดิเจช หนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งตัวแทนพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า “มันชัดเจนมากที่ผู้คนอเมริกันจำนวนมากต่างเสียชีวิตจากเหตุกราดยิงในเมืองชาร์ลสตัน ซานติอาโก พิตต์สเบิร์ก รวมถึงที่เอลปาโซ ซึ่งเป็นผลมาจากการก่อการร้ายของกลุ่มลัทธิคลั่งชาตินิยมของคนผิวขาว” ซึ่งคนผิวสี คนยิว และล่าสุดคือคนเชื้อสายลาตินตกเป็นเป้าหมายของการใช้ความรุนแรง

เหตุโศกนาฏกรรมนี้ ทำให้คนอเมริกันไม่น้อยเริ่มหวาดระแวงและเป็นกังวลกับกระแสชาตินิยมสุดโต่งของกลุ่มคนผิวขาวในสหรัฐอเมริกา โดยทางฝั่งพรรคเดโมแครตนั้น ได้เตรียมผลักดันนโยบายจำกัดสิทธิในการครอบครองอาวุธปืนของพลเมืองอเมริกันอีกครั้ง และคาดว่าจะเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่จะเกิดขึ้นในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2020 นี้

โดยเมื่อเวลาประมาณเที่ยงคืนของวันดังกล่าว มีกลุ่มคนร้ายแต่งตัวชุดนักรบเต็มตัว พร้อมพกพาอาวุธสงคราม จำนวนกว่า 10 คนบุกเข้ามาเพื่อวางระเบิดตู้เอทีเอ็ม ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย โดยจับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมัดไว้ก่อนที่จะเดินเข้ามาปัดกล้องวงจรปิดให้หันออกทางอื่น

นอกจากกรณี วางระเบิดตู้เอทีเอ็มนี้แล้ว ยังเกิดเหตุลักษณะเดียวกันในพื้นที่ตะบิ้ง อ.สายบุรีซาง และมีเหตุเผายางรถยนต์ บนถนนสาย 409 หน้า บริเวณหน้าโรงเรียนอาซิซสถาน ต.นาประดู่ บริเวณถนนสาย 42 บ.ชะเมา ต.นาเกตุ และบนถนนสาย 42 แยกตัดคลองชลประทาน บ.โพธิ์ ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์ อีกด้วย เคราะห์ดีที่เหตุการณ์ดังกล่าว ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

เรื่องควรรู้ เจอวัตถุต้องสงสัยจะเป็นระเบิด ต้องทำอย่างไร แจ้งใครได้บ้าง

หลังกรณีระเบิดป่วนกรุงถึง 9 จุด เมื่อสองวันที่ผ่านมา ทำให้ชาวกรุงหวั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันไม่น้อย คงจะดีหากรู้ไว้ก่อนว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร เมื่อเจอวัตถุต้องสงสัย หรือสิ่งที่แน่ใจว่าเป็นระเบิดแน่ๆ เพื่อให้ทั้งตัวเราเอง และคนรอบๆ ตัวในบริเวณนั้นปลอดภัย

วันนี้ (3 ส.ค.) ผู้ต้องหาชาย 2 คนซึ่งถูกจับกุมกรณีวางระเบิดซุกหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ว่าแรงจูงใจในการวางระเบิดนั้น มาก ความไม่พอใจกองทัพภาคที่ 4 เนื่องจากได้คุมตัวแนวร่วมไปสอบสวนแล้วเสียชีวิตในค่ายทหาร

เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่าจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด มีผู้ก่อเหตุทั้งหมด 8 คน และทุกๆ จุดนั้น คนร้ายต้องการวางระเบิดจริงทั้งหมด อีกทั้งยังทิ้งสัญลักษณ์ไว้เพื่อแสดงให้เจ้าหน้าที่เห็นว่าตนสามารถเดินทางมาจากภาคใต้เพื่อก่อเหตุได้ ซึ่งระเบิดที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้นเป็นของจริง แต่มีแม่ค้ามาเห็นก่อนจึงระงับเหตุได้ทัน

ทั้งสองมือระเบิดนี้ ถูกจับกุมได้ขณะที่กำลังขึ้นรถโดยสารบขส.เพื่อเดินทางลงไปภาคใต้ โดยทั้งคู่เป็นคนจังหวัดนราธิวาส และเมื่อวางระเบิดเสร็จก็ได้เข้าไปเปลี่ยนชุดในห้างดังห้างหนึ่งใกล้ๆ ที่เกิดเหตุ ก่อนจะหลบหนี

หลังมีการพบกระเป๋าสะพายต้องสงสัยสีดำ วางอยู่บริเวณท่าเรือพิมาน ถนนจักรเพชร แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร (ใกล้สะพานพระปกเกล้า) โดยมีการแจ้งไปที่ศูนย์วิทยุพระราม 9 ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ปากคลองสาน ออกมายืนยันว่า กระเป๋าที่พบเห็นตรงจุดนั้นเป็นของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติรายหนึ่ง ไม่ทราบสัญชาติ ที่วางทิ้งไว้

 ทางกรมเจ้าท่าได้ตรวจสอบตารางเที่ยววิ่งของเรือ และตรวจสอบหาเจ้าของกระเป๋าสะพายใบดังกล่าวจนพบ และนักท่องเที่ยวรายนี้ยังอยู่บนเรือ พร้อมทั้งกำลังเดินทางกลับมารับกระเป๋าคืน อย่าไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจยังกั้นพื้นที่ไว้ก่อน เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยอีกครั้ง

แนะนำ : เคล็ดลับต่างๆ | เว็บรวมวิธีต่างๆ How to | จัดอันดับซีรีย์ | รีวิวครีม